Service Innovation Pathway

กรอบแนวคิดการพัฒนานวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Pathway) พัฒนาขึ้นจากการสังเคราะห์เนื้อหาผ่านงานวิจัยเชิงปฏิบัติการ ประมวลข้อมูลเชิงประจักษ์ (empirical data) จากหลักสูตรต้นแบบการฝึกปฏิบัติเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การออกแบบนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Design) สำหรับธุรกิจสุขภาพและการท่องเที่ยว หัวข้อ “Revive & Resilience for Health Tourism Network” ภายใต้โครงการเร่งนวัตกรรมการตลาดและเครือข่ายเพื่อพัฒนาแนวคิดบริการตั้งต้นของสินค้าหรือบริการ (Minimum Viable Product / Service: MVP / MVS) กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจเพื่อสุขภาพ ร่วมสร้างสรรค์ โดย CoLAB ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (International Gastronomy Tourism Centre: iGTC) สถาบันนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Academy: SIA) คณะพัฒนาการท่องเที่ยว สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านการจัดการท่องเที่ยว (CoETR) มหาวิทยาลัยนเรศวร และ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) 

The International Gastronomy Tourism Centre (iGTC) in association with Service Innovation Academy (SIA) develop practical, applicable skills for designing and testing innovative services

สู่เส้นทางพัฒนานวัตกรรมบริการ (The Four Foundations to Service Innovation Pathway)​ รู้จักตัวเรา เข้าใจตัวตน สืบค้นบริบท “พร้อม” เข้าใกล้ลูกค้า และ แสวงหา โอกาส ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม

1 CONTEXTUAL ANALYSIS

KNOWING your CONTEXT “รู้เรา…รู้รอบ” ต้อง “ตอบโจทย์…ตรงจุด” // ตรวจสอบสัญญาณสิ่งเร้าจากสถานการณ์ภายนอก (Global Situation) เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลขับดัน (Driving Forces) เร่งรัดให้เกิดภาพอนาคต (Future Images) “กวาด (scan) กรอง (screen) เก็บ (store)” กระแสการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนธุรกิจบริการ ตลอดจนแสวงหาปัจจัยพลิกผัน (Key Uncertainties) ที่มีผลต่อการพลิกโฉมสถานการณ์ และฉากทัศน์บริการในอนาคต (Service Scenario) สู่การสร้างสรรค์บริการให้ไหลลื่นไปกับการเปลี่ยนแปลง และเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปภายใต้สภาวะไม่ปกติ

2 SCENARIO ANALYSIS

FRAMING your FUTURES คิด คาด วาดภาพสถานการณ์ พร้อมพุ่งทะยานสู่โอกาสแห่งอนาคต (Foresight) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการคาดการณ์ และสร้างภาพอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้นในระยะกลางและระยะยาวในระดับโลก ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และในประเด็นสำคัญ (Key Agendas) เช่น อนาคตของสังคมผู้สูงอายุ อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ อนาคตของอุตสาหกรรม อนาคตของการศึกษา และอนาคตของการจ้างงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการออกแบบนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศหรือบริษัทให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉมฉับพลัน (Disruptive Changes)

3 USER ANALYSIS

UNDERSTANDING your USERS “รู้เขา…รู้เรา” ต้อง “รู้จัก…รู้ใจ” WALKING into the CUSTOMER’s MIND “ยิ่งรู้จัก…ยิ่งรู้ใจ” เมื่อ “ยิ่งเข้าใกล้…ยิ่งเข้าใจ” // การทำความเข้าใจลูกค้า (empathy) และคาดการณ์ความต้องการในอนาคตเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะทำการออกแบบบริการที่เกินความคาดหมาย (Unexpected Outcomes) โดยเฉพาะการมองหาโอกาสใหม่ในความต้องการที่แฝงเร้น (Customer Insights) รายรอบสถานการณ์ชีวิตของลูกค้า (Life Situation)

4 BUSINESS ANALYSIS

CREATING your SERVICES สังเคราะห์คุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile) มองหาโอกาสใหม่ในการนำเสนอวิธีการ หรือ กระบวนการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างสร้างสรรค์บนฐานของระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ที่ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ (Minimum Viable Ecosystem: MVE) ดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งกำหนดเป็นร่างกรอบข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition) และนำไปพัฒนาข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief) เพื่อผลิตเป็นต้นแบบสินค้าหรือบริการในอนาคต (Minimum Viable Product/Service: MVP/MVS)

ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์บริบทแวดล้อม (Contextual Analysis)

แก่นเนื้อหา: ศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของธุรกิจ เน้นการพิจารณาแผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence) และพิสูจน์ทราบแบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem) ซึ่งคณะผู้วิจัยมุ่งทำการจัดหมวดหมู่ของข้อมูล การเปลี่ยนแปลง แบบแผน ความหมาย และความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ภายใต้บริบททางสังคม และวัฒนธรรมที่ศึกษา ตลอดจนทำความเข้าใจกับความหลากหลายและความแตกต่างของข้อมูลขั้นปฐมภูมิ (primary data) ที่เก็บรวบรวมมาทั้งข้อมูลดิบ (raw data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (interpreted data)

1.1) แผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence)

ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบระดมความเห็นเพียงลำพัง (Silence Workshop) โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเขียนข้อความระบุถึง ขีดความสามารถของตนที่จะช่วยส่งเสริม / สนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem) กำหนดร่างผลลัพธ์สุดท้ายที่คาดหวัง (Expected Outcome) ตั้งเป้าให้ภาคีหุ้นส่วน (Boundary Partners) และภาคีร่วมขับเคลื่อน (Key Stakeholders) มองภาพใหญ่ เห็นภาพเดียวกัน ผ่านสถานการณ์ปัจจุบัน และการคาดการณ์ “อนาคต” โดยเฉพาะการพัฒนาในมิติทุนทางปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ที่สัมพันธ์สอดคล้องกับทุนทางกายภาพ ทุนทางการเงิน และศักยภาพของคณะทำงานขับเคลื่อนที่มีอยู่ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) [1] ควบคู่กับการพิจารณาความพร้อมด้านองค์ความรู้ขององค์กร (Capability Assessment) เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis)​ เปรียบเทียบจากสถานะปัจจุบันสู่เป้าหมายอนาคต แสวงหาขีดความสามารถที่เป็นสมรรถนะหลัก (Core Competency) โดยเฉพาะสมรรถนะอันโดดเด่น (Distinctive Competency) ของหน่วยงาน หรือ ความเชี่ยวชาญที่โดดเด่น เกิดจากความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะขององค์กร ช่วยเสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ตลอดจนเน้นนำแนวทางการสร้างสรรค์ด้วยแก่นแท้ของภูมิปัญญาไทย (Creativity with Authentic Thai Wisdom) ไปปรับประยุกต์ใช้ในกระบวนการพัฒนานวัตกรรมเชิงพลวัตสู่ความยั่งยืน (Dynamic Innovation) และการออกแบบกลยุทธ์นวัตกรรมการบริการ (Strategic Service Innovation)

เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 1

  • เทคนิคการประชุมระดมความคิดเห็นด้วยแผนภูมิการจัดกลุ่มความคิด (Affinity Diagraming Method) เพื่อรวบรวมชุดข้อมูลขีดความสามารถของบุคคลในการพัฒนาธุรกิจบริการบนฐานนวัตกรรมด้วยวิธีการประเมินตนเอง (Self Assessment) ผ่านกระบวนการกระตุ้นให้ผู้กลุ่มผู้นำได้ร่วม “ขบคิด เข้าคู่ แบ่งปัน (Think-Pair-Share)” เน้นวิธีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Cooperative Learning: CL) ช่วยสร้างกลไกลการเคลื่อนไหลของข้อมูล (Knowledge Flow) ทั้งระหว่างเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม (Active Learners) และจากทีมกระบวนกร (Learning Facilitators)
  • การวัดผลการปฏิบัติงาน (Importance Performance Analysis: IPA) เพื่อประเมินช่องว่าง (Gap Analysis) ด้วยวิธีการจัดลำดับความสำคัญ 2 ตัวแปร ได้แก่ ความสำคัญ (Importance) และ ความสามารถ (Performance) บนฐานทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรในระบบนิเวศทางธุรกิจปัจจุบัน,
  • แผนผังผู้เกี่ยวข้อง (Stakeholder Map) ระบุรายการ (catalogue) หรือ รายชื่อ “ผู้เล่น (actor)” ตลอดจนจัดแบ่งประเภทผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (category) โดยจัดทำ “แผนผังกลุ่มเชื่อมโยง (affinity diagram)” แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เน้นอธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ของแต่ละโครงข่าย (cluster) หรือเหตุผลฐานรากการรวมกลุ่มของโครงข่ายผู้คนนั้นๆ อาจจะกำหนดเป็นภาพแทน (representation) ได้

[1] …// โดยคณะผู้วิจัยจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือ “แผนที่จุดบรรจบ (Convergence Map)” ซึ่งจะนำไปจัดจำแนกข้อมูลแยกเป็นชุดเนื้อหา ตลอดจนการสังเคราะห์ เพื่อหาข้อสรุปในลำดับต่อไป

1.2 แบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) 

สืบสอบข้อมูลด้วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ใช้ (Users) ตามสภาวะจริงของการดำเนินชีวิต (Contextual Inquiry) เพื่อพัฒนาแบบจำลองความตระหนักรู้ หรือประมวลภาพสันนิษฐานทางความคิด (Mental Model) จากฐานทรัพยากรที่มีอยู่ (Exsiting Resources) ตลอดจนดำเนินการสำรวจแบบจำลองการรับรู้ (Cognitive Model) และศึกษาแนวคิดที่มีต่อการพัฒนาต้นแบบบริการในอนาคต (Conceptual Model) อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการออกแบบภาพร่างสมมุติฐาน หรือ “วิถีทางใหม่ (New Mental Model)” คำนึงถึงผลกระทบต่อ อารมณ์ (Mood) ทัศนคติ (Attitude) และ พฤติกรรม (Behaviour) ของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความรู้สึกของผู้ใช้งานที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมหรือโครงการร่วมกันในอนาคต

เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 2

  • ตารางวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Matrix) วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม และกวาดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการในอนาคต (Horizontal Scanning)
  • กระแสการบริโภค (Consumer Trends) “First Draft” แสวงหาโอกาสที่ลูกค้า “มองหา” ผ่านปรากฎการณ์ทางสังคม โดยสรุปวิเคราะห์ข้อมูลจาก Trends Matrix ร่วมกับ Cart Sorting Techniques
  • กำหนดภาพร่างสันนิษฐานในปัจจุบัน (Mental Model A “Current State”) โดยรวบรวมจากแหล่งวิทยาการเกี่ยวกับ พฤติกรรมอัตลักษณ์ (Behaviour Identity) ปฐมลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Archetype) หรือ ประมวลเอกสารระบุบุคลักษณ์​ (Customer Personas) ​เพื่อกำหนดแบบร่างแผนภาพแทนกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังเบื้องต้น (Proto-Personas)
  • เล่าเรื่องผ่านภาพอนาคต (Future Image) โดยใช้เครื่องมือ “Crazy’s 8s” เพื่อกำหนดแบบร่างแนวคิด (Idea Sketch) การออกแบบบริการ (Mental Model B “Future State”)

คำสำคัญ: การวิจัยบริบท (Contextual Research), การวิจัยผู้ใช้งาน (User Research), การสืบสอบเชิงบริบท (Contextual Inquiry), นิรมิตนิยม (Constructivism), ระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem)

ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์ฉากทัศน์อนาคต (Scenario Analysis) 

แก่นเนื้อหา: มุ่งศึกษาอนาคต (Future Studies) มองภาพอนาคตของธุรกิจบริการ (Service Scenario) โดยสังเคราะห์ข้อมูลจากการประเมินสถานการณ์ในมิติต่างๆ (Contextual Inquiry) ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมภายนอก (PESTEL Analysis) ที่มีผลกระทบต่อองค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ประมวลเป็นชุดภาพอนาคต อาทิ ภาพอนาคตที่ดีที่สุด (Best Case Scenario) ภาพอนาคตที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario) และภาพที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด (Possibility Case Scenario) เป็นต้น

เครื่องมือ: การออกแบบภาพอนาคตการบริการ (Service Scenario Design)

  • สร้างกรอบการมองอนาคต (Futures Framing), ประมวลข้อมูลจาก ตารางวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Matrix) วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม และ กวาดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการในอนาคต (Horizontal Scanning), ศึกษาส่วนที่ 1 “เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 2”
  • ศึกษาสภาพแวดล้อม (Environmental Scanning), ตารางตรวจสอบสภาพแวดล้อม (Confirming-Disconfirming-Alternative Tabular: CDA)
  • ระบุปัจจัยขับเคลื่อนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Driving Forces), อ่านต่อ คลิก “การวิเคราะห์ผลกระทบภาพตัดขวาง (Cross Impact Analysis: CIA)”
  • สำรวจเหตุการณ์และความไม่นอน (Critical Uncertainties), การวิเคราะห์ชั้นสาเหตุ (Casual Layered Analysis: CLA)
  • ประมวลภาพทัศน์ในอนาคต (Scenario Stories)
  • ประเมินฉากทัศน์อนาคต (Scenario Matrix)
  • ประกอบสร้างฉากทัศน์อนาคต (Scenario Construction)

คำสำคัญ: การศึกษาอนาคต (Future Studies), การออกแบบภาพอนาคตการบริการ (Service Scenario Design)

ส่วนที่ 3: การวิเคราะห์ผู้ใช้งาน (User Analysis) 

แก่นเนื้อหา: สำรวจข้อมูลการวิจัยผู้ใช้งาน (User Research) โดยจัดเก็บข้อมูลดิบ (Raw Data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (Interpreted Data) ด้วยเครื่องมือการวิจัยบริบท (Contextual Research) ในมิติของห่วงโซ่การบริโภค (Consumption Chain) ด้วยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์สายโซ่วิธีการ-เป้าหมายการบริโภค (Mean-End Chain Method) การศึกษาในขั้นตอนนี้มุ่งเน้นให้นักวิจัย และทีมงานจัดเก็บข้อมูลภาคสนาม รู้จักเครื่องมือการศึกษาผู้ใช้งานผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน (User Analysis) เข้าใจกระบวนการ (Design Process) และเครื่องมือการออกแบบประสบการณ์ (Experience Design) อาทิ การศึกษาสังเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานด้วยการวิเคราะห์ภาพแทนความหมาย (The Zaltman Metaphor Elicitation Technique – ZMET) การประมวลเรื่องเล่า (Narrative Inquiry) และการเข้าใจเส้นทางผู้ใช้งาน (User Journey Map) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การกำหนดรูปแบบการเล่าเรื่องทรัพยากรที่มีคุณค่าอันโดดเด่น (Outstanding Value) ของบริการต้นแบบ (Minimum Viable Service: MVS) โดยใช้เทคนิคคล้ายการเล่านิทานหรือนิยาย ผูกโยงเรียงร้อยต่อกัน สร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้รับสารสนใจ นำไปสู่การสร้างจุดจดจำเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา (Memorable Experience) ครอบคลุมทั้งเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิต (Life Narrative) และเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์​ (Experience Narrative) เพื่อทำความเข้าใจชีวิตของบุคคลภายใต้บริบทของสังคมเสมือนเปลือกห่อหุ้มแก่นแกนความรู้สึกที่ถูกกดทับหรือปิดบังความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน (User Insight)

เครื่องมือ: การรวบรวมข้อมูลการศึกษาวิจัยผู้ใช้งาน (User Research Tools)

  • แบบบันทึกความต้องการของลูกค้า (User Story)
  • แบบบันทึกความต้องการลูกค้าเชิงลึก (Key Insights)
  • แบบบันทึกผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าคาดหวัง (Job Story) “ผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าคาดหวัง / เป้าหมายการบริโภค / ความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน”
  • แผนที่เส้นทางผู้บริโภค (Customer Journey Map)
  • ตารางประเมินโอกาสในการสร้างสรรค์คุณค่า (Opportunity Scoring Matrix: OSM) —> จัดกลุ่ม / แบ่งส่วนผู้ใช้งาน (User Segmentation)
  • แผนภาพแทนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายฉบับปรับปรุง (Revised Personas Grid) หรือ บุคลักษณ์ (Personas)
  • แผนภาพแสดงปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าที่มีต่อสินค้า / บริการ (MOT Mapping Technique) จำแนกออกเป็น จุดสัมผัส Touch Point (+) จุดประทุ Torch Point (-) และจุดปะทะ Contact Point (+/-)

คำสำคัญ: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research), การวิจัยผู้ใช้งาน (User Research), การศึกษาเรื่องเล่า (Narrative Inquiry), นิรมิตนิยม (Constructivism)

ส่วนที่ 4: การวิเคราะห์ธุรกิจ (Business Analysis) 

4.1 การสร้างสรรค์คุณค่า (Ideas Design) ค้นหาคุณค่าที่ลูกค้ามองหา: ความหมาย ความสำคัญ และความจำเป็น ของการรังสรรค์ “คุณค่า” เพื่อสร้าง “มูลค่า”

แก่นเนื้อหา: สังเคราะห์คุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile) มองหาโอกาสใหม่ในการนำเสนอวิธีการ หรือ กระบวนการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างสร้างสรรค์บนฐานของระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ที่ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ (Minimum Viable Ecosystem: MVE) ดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งกำหนดเป็นร่างกรอบข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition) และนำไปพัฒนาข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief) เพื่อผลิตเป็นต้นแบบสินค้าหรือบริการในอนาคต (Minimum Viable Product/Service: MVP/MVS)

เครื่องมือ: การออกแบบข้อเสนอแห่งคุณค่า (Value Proposition Design)

  • แผนภาพคุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile)
  • แผนภาพคุณค่า (Value Map)
  • แบบร่างแนวคิดข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition Canvas: VPC)

คำสำคัญ: ข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition), ข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief), ระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ (Minimum Viable Ecosystem: MVE)

เนื้อหาเสริม (Supplementary Course) หลักสูตรฝึกปฏิบัติการเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การคิดเชิงออกแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่* (Design Thinking for Agripreneurs) ภายใต้โครงการพัฒนาและผลิตกำลังคนของประเทศเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 …// อ่านต่อ คลิก “Design Thinking for Agripreneurs”

4.2 การนำส่งคุณค่า (Ideas Testing) นำเสนอคุณค่าที่ลูกค้ามองเห็น: ทดสอบแนวคิดเพื่อผลิตนวัตกรรม: คิด ผลิต พัฒนา จนกว่า จะ “ใหม่ ใช่ โดน”

แก่นเนื้อหา: เข้าใจกระบวนการทำสอบแนวคิด (Ideas Testing Process) โดยสามารถแยกแยกข้อมูล จัดลำดับความสำคัญ บนสมมติฐานที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรก และทดลองใช้เทคนิคการประเมินต้นแบบสินค้าหรือบริการในภูมิทัศน์การแข่งขันใหม่เพื่อพิสูจน์วิธีการแก้ไขปัญหา ควบคู่กับการพิจารณาภาวะการสร้างจุดสมดุลระหว่างผลิตภัณฑ์-ตลาด (Product Market Fit: PMF) บนแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model) ให้มีความยืดหยุ่นสูง ต้านทานความเสี่ยงได้ (Risk Resistance) สามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

เครื่องมือ: การพัฒนาแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model Design)

  • ผืนผ้าใบแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model Canvas: BMC)
  • แบบร่างพิมพ์เขียวการบริการ (Service Blueprinting Method: SBM)
  • การทดสอบความสนใจที่มีต่อข้อเสนอ (Call-To-Action: CTA)
  • กระดานความก้าวหน้า (Progress Board)

คำสำคัญ: กระบวนการทำสอบแนวคิด (Ideas Testing Process), การประเมินต้นแบบสินค้าหรือบริการอย่างง่าย (Rapid Testing Techniques), จุดสมดุลระหว่างผลิตภัณฑ์-ตลาด (Product Market Fit: PMF)

หลักสูตรฝึกปฏิบัติการเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การคิดเชิงออกแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่* (Design Thinking for Agripreneurs) ภายใต้โครงการพัฒนาและผลิตกำลังคนของประเทศเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 // อ่านต่อ คลิก

DOWNLOADS

  • บัตรนำกระบวนการ (Method Cards) ชุดที่ 1 (PDF) “iGTC Contextual Research Tools” คลิก
  • บัตรนำกระบวนการ (Method Cards) ชุดที่ 2 (PDF) “iGTC User Research Tools” คลิก
  • คู่มือปฏิบัติการภาคสนามชุดที่ 3 (PDF) iGTC Playbook Field Work 3: Narrative Inquiry คลิก
  • ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เครื่องมือ (toolset) เพื่อกำหนดแนวทางการออกแบบธุรกิจบริการผ่านระบบออนไลน์ Miro “iGTC Value Design Pathway” คลิก

REFERENCES

  • การคิดเชิงออกแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ (Design Thinking for Agripreneurs) คลิก
  • การตั้งเป้าหมายสู่อนาคต (Moonshot Thinking) คลิก
  • ประมวลมุมมองฉากทัศน์การบริการ (Service Scenarios) คลิก
  • การออกแบบบริการสำหรับธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ (Service Design for Health) คลิก
  • การออกแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาธุรกิจ (Innovation Design for Business) เปิดมุมใหม่ในการพัฒนาธุรกิจ เข้าถึง เข้าใจ และ พัฒนากลไก การขับเคลื่อนองค์กรรอบด้าน “360 Degree Design” ด้วยการออกแบบนวัตกรรม Putting Purpose into Practice and Understanding the Trends, Tools and Teams คลิก
  • iGTC PLAYBOOK ประมวลสารัตถะการออกแบบ (Design Compendium) รวมรวบวิทยวิธีเพื่อการพัฒนานวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Design Method) คลิก
    • [ Playbook ] การวิเคราะห์เครือข่ายคุณค่า (Value Network Analysis) คลิก
    • [ Playbook ] การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจสร้างสรรค์ (Innovation Ecosystem Design) คลิก ดู “ห้องปฏิบัติการทางความคิด Chiang Rai Design Lab (CDL)” คลิก
    • [ Playbook ] การออกแบบนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Design) สำหรับธุรกิจสุขภาพและการท่องเที่ยว คลิก
    • [ Playbook ] การทดสอบแนวคิดการพัฒนาธุรกิจฐานนวัตกรรม (Business Model Validation) ด้วยมาตรวัดผลนวัตกรรมที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Innovation Metrics) คลิก
  • CEA x iGTC เพื่อนช่วยคิด…ฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย Service Design for Food “…มุ่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนทางวัฒนธรรม ต่อยอดและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อนาคต คิด ผลิต พัฒนา บริการใหม่ที่ถูกใจลูกค้า เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ด้วยกระบวนการ Service Design…” คลิก

——————-

โครงการความร่วมมือพิเศษ (Project Archives)

ตัวอย่างแฟ้มข้อมูลกิจกรรมบริการวิชาการ เผยแพร่องค์ความรู้ และ ความร่วมมือระหว่างสถาบัน โดย CoLAB ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (iGTC) คณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้

Business Innovation Design: Preparing Regional Business for Post Pandemic Revival  ความร่วมมือ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMUBS) ::: อ่านต่อ คลิก :::

Service Oranisation Design: Co-Creating Seamless Service Platform ความร่วมมือ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือตอนล่าง กองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark)

User Experience Research Methods: A Closer Look on the Building Block of User Research Methods Landscape with the Lean Approach ความร่วมมือ หลักสูตรนวัตกรรมอาหารและธุรกิจ (Food Innovation and Business) คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ