
หลักสูตร การวิเคราะห์เครือข่ายคุณค่าเพื่อพัฒนาชุมชนบนฐานภูมินิเวศวัฒนธรรม (Value Network Analysis) โดย CoLAB ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (iGTC) และสำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภายใต้โครงการยกระดับชุมชนเกษตรอินทรีย์บนฐานภูมินิเวศวัฒนธรรมตลอดช่วงโซ่ของชุมชนตำบลป่าสักของวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรธรรมชาติตำบลป่าสัก จังหวัดลำพูน
ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์บริบทแวดล้อม (Contextual Analysis)
แก่นเนื้อหา: ศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของพื้นที่ เน้นการพิจารณาแผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence) และพิสูจน์ทราบแบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ซึ่งคณะผู้วิจัยมุ่งทำการจัดหมวดหมู่ของข้อมูล หาแบบแผน ความหมาย และความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ภายใต้บริบททางสังคม และวัฒนธรรมที่ศึกษา และทำความเข้าใจกับความหลากหลายและความแตกต่างของข้อมูลขั้นปฐมภูมิ (primary data) ที่เก็บรวบรวมมาทั้งข้อมูลดิบ (raw data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (interpreted data)
1.1) แผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence)
ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบระดมความเห็นเงียบ (Silence Workshop) โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเขียนข้อความระบุถึง ขีดความสามารถของตนที่จะช่วยส่งเสริม / สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ผลลัพธ์สุดท้ายที่คาดหวัง ตั้งเป้าให้ผู้บริหารโครงการและภาคีร่วมขับเคลื่อน มองภาพใหญ่ เห็นภาพเดียวกัน ผ่านสถานการณ์ปัจจุบัน และการคาดการณ์ “อนาคต” โดยเฉพาะการพัฒนาในมิติทุนทางปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ที่สัมพันธ์สอดคล้องกับทุนทางกายภาพ และศักยภาพของคณะทำงานขับเคลื่อนที่มีอยู่ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) [1]
เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของพื้นที่ ชุดที่ 1
- เทคนิคการประชุมระดมความคิดเห็น (Lotus Blossom Brainstorming Method) เพื่อรวบรวมชุดข้อมูลขีดความสามารถของบุคคลในการพัฒนาพื้นที่เป้าหมายด้วยวิธีการประเมินตนเอง (Self Assessment) ผ่านกระบวนการกระตุ้นให้ผู้กลุ่มผู้นำได้ร่วม “ขบคิด เข้าคู่ แบ่งปัน (Think-Pair-Share)” เน้นวิธีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Cooperative Learning: CL) ช่วยสร้างกลไกลการเคลื่อนไหลของข้อมูล (Knowledge Flow) ทั้งระหว่างเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม (active learners) และจากทีมกระบวนกร (learning facilitators)
- การวัดผลการปฏิบัติงาน (Importance Performance Analysis: IPA) เพื่อประเมินช่องว่าง (gap analysis) ด้วยวิธีการจัดลำดับความสำคัญ 2 ตัวแปร ได้แก่ ความสำคัญ (importance) และ ความสามารถ (performance) บนฐานทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรในพื้นที่เป้าหมาย
[1] …// โดยคณะผู้วิจัยจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือ “แผนที่จุดบรรจบ (Convergence Map)” ซึ่งจะนำไปจัดจำแนกข้อมูลแยกเป็นชุดเนื้อหา ตลอดจนการสังเคราะห์ เพื่อหาข้อสรุปในลำดับต่อไป
1.2) แบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model)
การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มผู้นำเพื่อพัฒนาแบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) ที่มีต่อการพัฒนาพื้นที่จากฐานทุนวัฒนธรรมภายในชุมชน ดำเนินการสำรวจแบบจำลองการรับรู้ (Cognitive Model) และศึกษาแนวคิดที่มีต่อการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต (Conceptual Model) อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการออกแบบภาพร่างสมมุติฐาน หรือวิถีทางใหม่ (New Mental Model) คำนึงถึงผลกระทบต่อ อารมณ์ (mood) ทัศนคติ (attitude) พฤติกรรม (behaviour) ของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความรู้สึกของผู้ใช้งานที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมหรือโครงการ ร่วมกันในอนาคต
เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของพื้นที่ ชุดที่ 2
- ตารางวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Matrix) วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม และจับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการในอนาคต
- กระแสการบริโภค (Consumer Trends) “First Draft” แสวงหาโอกาสที่ลูกค้า “ที่มองหา” ผ่านปรากฎการณ์ทางสังคม โดยสรุปวิเคราะห์ข้อมูลจาก Trends Matrix
- กำหนดภาพร่าง Mental Model A ร่วมกับ การวิเคราะห์ภาพแทนความหมาย (The Zaltman Metaphor Elicitation Technique – ZMET)
- เล่าเรื่องผ่านภาพอนาคต โดยใช้เครื่องมือ “Crazy’s 8s”


“…คณะผู้วิจัยได้นำเครื่องมือเกี่ยวกับการศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของพื้นที่ ได้แก่ แบบประเมินกำหนดภาพร่างครั้งที่ 1 (Mental Model A) ร่วมกับการวิเคราะห์ภาพแทนความหมาย (The Zaltman Metaphor Elicitation Technique – ZMET) การสัมภาษณ์ตามบริบทผ่านภาพวาด (Contextual Interview) และค้นหามุมมองของผู้เข้าร่วมที่มีต่อสภาพแวดล้อมอันเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรมหรือประเพณีในพื้นที่ (Cultural Artefacts) นำเสนอผ่านภาพวาดเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อแสดงเป็นภาพอุดมคติในการพัฒนาพื้นที่…”
คำสำคัญ: ศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม (Contextual Analysis), แผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence), แบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model)
ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์ผู้ใช้งาน (User Analysis)
แก่นเนื้อหา: สำรวจข้อมูลการวิจัยผู้ใช้งาน (User Research) โดยจัดเก็บข้อมูลดิบ (Raw Data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (Interpreted Data) ด้วยเครื่องมือการวิจัยบริบท (Contextual Research) ในมิติของห่วงโซ่การบริโภค (Consumption Chain) การศึกษาในขั้นตอนนี้มุ่งเน้นให้ผู้ช่วยนักวิจัย และทีมงานจัดเก็บข้อมูลภาคสนาม รู้จักเครื่องมือการศึกษาผู้ใช้งานผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน (User Analysis) เข้าใจกระบวนการ (Design Process) และเครื่องมือการออกแบบประสบการณ์ (Design Toolset) อาทิ การศึกษาสังเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานด้วยการวิเคราะห์ภาพแทนความหมาย (The Zaltman Metaphor Elicitation Technique – ZMET) การเก็บเรื่องเล่า (Narrative Interview) และการเข้าใจเส้นทางผู้ใช้งาน (User Journey Map) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การกำหนดรูปแบบการเล่าเรื่องทรัพยากรที่มีคุณค่าอันโดดเด่น (Outstanding Value) ของพื้นที่นำร่องโครงการ โดยใช้เทคนิคการเล่าเหมือนนิทาน หรือเรื่องราวนิยาย ผูกโยงเรียงร้อยต่อกัน สร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้รับสารสนใจ นำไปสู่การสร้างจุดจดจำเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา (Memorable Experience)
เครื่องมือ: การรวบรวมข้อมูลการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research Tools)
- แบบบันทึกความต้องการของลูกค้า (User Story)
- แบบบันทึกความต้องการลูกค้าเชิงลึก (Key Insights)
- แบบบันทึกผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าคาดหวัง (Job Story) “ความต้องการที่แท้จริง”
- ตารางประเมินการจัดลำดับผลลัพธ์ที่ลูกค้าคาดหวัง (Job Scoring Matrix) —> แบ่งส่วนกลุ่มผู้ใช้งาน User Segmentation
- แผนที่เส้นทางผู้บริโภค (Customer Journey Map)
- แผนภาพแทนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายฉบับปรับปรุง (Revised Personas Grid)
- แผนภาพแสดงปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าที่มีต่อสินค้า / บริการ (MOT Mapping Technique) จำแนกออกเป็น จุดสัมผัส Touch Point (+) จุดวิกฤต Critical Point (-) และจุดเชื่อมต่อ Contact Point (+/-)
คำสำคัญ: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research), การวิจัยผู้ใช้งาน (User Research), การเก็บเรื่องเล่า (Narrative Interview)
ส่วนที่ 3: การวิเคราะห์เครือข่ายคุณค่า (Value Network Analysis)
แก่นเนื้อหา: ศึกษาโครงข่ายความร่วมมือของภาคีขับเคลื่อนในพื้นที่ พร้อมทั้งประมวลรูปแบบความสัมพันธ์ของเครือข่ายคุณค่า (Value Network) และกำหนดภาพสมมุติฐานห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของการพัฒนาพื้นที่ ผนวกข้อมูลที่ได้จากการวิธีการสะกัดกลั่นข้อมูล (Elicitation Technique) คุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile) โดยมองหาโอกาสใหม่ในการนำเสนอวิธีการ หรือ กระบวนการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างสร้างสรรค์บนฐานของระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ที่ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ (Minimum Viable Ecosystem: MVE) ดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งกำหนดเป็นร่างกรอบข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition) และนำไปพัฒนาข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief) เพื่อผลิตเป็นต้นแบบสินค้าหรือบริการในอนาคต
เครื่องมือ: การศึกษาเครือข่ายคุณค่า (Value Network Tools) และการพัฒนาองค์กรรองรับผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (User Centric Organisation Design Tools)
- แผนภูมิสายใยกำหนดคุณค่า (Prescriptive Value Web)
- แผนภาพคุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile)
- แผนภาพคุณค่า (Value Map)
- แบบร่างแนวคิดข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition Template)
- กำหนดภาพร่าง Mental Model B —> “NEW Mental Model”
- แผนผังผู้เกี่ยวข้อง (Stakeholder Map)
- พิมพ์เขียวองค์กรการบริการ (Service Blueprint)

“…แผนภูมิสายใยกำหนดคุณค่า (Prescriptive Value Web) คือ แผนภาพแสดงให้เห็นทิศทางการไหลของคุณค่าระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของระบบในรูปแบบโหนด มุ่งอธิบายความหมายของระบบและปฏิบัติสัมพันธ์ (ERAF Systems Diagram) ซึ่งประกอบไปด้วย เอนทิตี้ (Entity) ความสัมพันธ์ (Relationship) คุณลักษณะ (Attribute) และการไหลของคุณค่า (Flow) บนฐานทรัพยากร โดยจำลองเป็นภาพสมมุติฐานการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต…”
คำสำคัญ: ข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition), ข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief), ระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ (Minimum Viable Ecosystem: MVE)
ร่วมสร้างสรรค์ และออกแบบกระบวนการเรียนรู้ โดย อาจารย์อนุวัต เชื้อเย็น

