Food For Fest

โหมโรง: สุขทุกคำ



คำนำเรื่อง — What if…?

จะเป็นอย่างไร เมื่อเมืองวัฒนธรรมแห่งต่อไปของโลก ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยตึกสูง หรือห้างหรู แต่เสริมศักยภาพเศรษฐกิจของพื้นที่ด้วยตำรับสำรับอาหารดั้งเดิม ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน และ “เมืองแห่งเทศกาล” ที่หล่อหลอมชุมชน?

สุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย กำลังเขียนเรื่องราวบทใหม่ที่กล้าหาญ ด้วยการไม่ละทิ้งอดีต แต่เลือกที่จะตีความหมายใหม่ให้กับเมือง

เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง “สุโขทัยสู่เมืองเทศกาลโลก” คณะนักออกแบบ นักคิด และผู้นำท้องถิ่น ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ เมืองที่มีบทพิสูจน์ชัดเจนว่า มรดกกับนวัตกรรมสามารถเดินเคียงกันได้อย่างงดงาม

การเดินทางสำรวจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การไปเยือนสถานที่ แต่คือการออกเดินทางเพื่อเปิดประสาทรับรู้ชนิดหยั่งลึก — ฟัง ลิ้มรส สัมผัส และเรียนรู้ว่าการออกแบบ “เมืองแห่งอาหารที่มีชีวิต” จริงๆ ต้องอิงกับอะไร

ปรัชญาบนจานข้าว

Ekachan: Crafting The Wisdom of Ethnic Thai Cuisine 

ร้านอาหารบนเรือนกาแลสองชั้นอายุกว่า 150 ปีแห่งนี้ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มริมแม่น้ำปิง สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2410 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมพม่า โดย พ่ออุ๊ยหม่องคำ และแม่อุ๊ยจัน ส่วยสุวรรณ บรรพบุรุษจากแคว้นแสนหวี รัฐฉาน ประเทศพม่า

ปัจจุบันกลุ่มอาคารชุดนี้ได้ทำหน้าที่เสมือนห้องรับแขกของเมืองคอยรับรองผู้หลงใหลในรสชาติอาหารชาติพันธุ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวอันหลากหลาย สร้างประสบการณ์อันหลากรส ร่วมรังสรรค์โดย เชฟเอก เอกพล พิชวงค์ เชฟและผู้ร่วมก่อตั้ง Ekachan: The Wisdom of Ethnic Thai Cuisine นำทางสำรวจ “รอยรสชาติพันธุ์” ผ่านจานอาหารได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

สำรับอาหารแห่ง “รอยรสชาติพันธุ์” คือการออกแบบอาหารบนฐานการส่งเสริมการบริโภคที่เคารพต่อมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมอาหาร และการใช้ประโยชน์พืชพรรณตามคตินิยมของชนชาติพันธุ์ในประเทศไทยสื่อสารรากเหง้าอาหารไทยและชาติพันธุ์ผ่านเมนูร่วมสมัย คงเอกลักษณ์ท้องถิ่น ใช้วัตถุดิบพื้นบ้านจากทุกภูมิภาค พร้อมสอดแทรกเรื่องราววัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง

อาหารทุกจานออกแบบอย่างพิถีพิถัน ไม่ได้ตั้งตำรับขึ้นเพียงเพื่อลิ้มรส แต่เป็นการเปิดบทสนทนาใหม่เกี่ยวกับรากเหง้าการกิน ทั้งวัตถุดิบ การปรุง และการจัดวาง ล้วนสะท้อนแนวคิดว่า “อาหาร” คือ สื่อของความทรงจำ และการปกป้องคุณค่าระบบอาหารเพื่อความสุขสมบูรณ์ของผู้คนตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างแท้จริง (Wellbeing Value Chain)

เมื่อหัตถกรรมคือชีวิต

Kalm Village: Keeping Craft Alive 

Kalm Village หมู่บ้านหัตถกรรมร่วมสมัยที่เป็นทั้งพื้นที่แสดงงาน แหล่งเรียนรู้ และชุมชนสร้างสรรค์

สิ่งทอ เซรามิก งานไม้ ผลงานทุกชิ้นต่างสร้างสรรค์ด้วยหัวใจ ถูกจัดวางและนำเสนออย่างเข้าใจบริบท สะท้อนความจริงให้ปรากฎวัฒนธรรมในมิติใหม่ที่ไม่ได้แช่แข็งเหมือนในพิพิธภัณฑ์อันหยุดนิ่ง แต่มันเคลื่อนไหวได้ 

หากเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ ร่วมตีความ — ร่วมคิด — ร่วมสร้าง — ร่วมจัดการ วัฒนธรรมผ่านกลไกการเพิ่มคุณค่าอย่างสร้างสรรค์บนฐานของการวิจัยและเผยแพร่ความรู้ด้านวัฒนธรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ (Cultural Enterprises) สนับสนุนชุมชนช่าง “สล่า (Artists) ผ้า และอาหาร” เพื่อพัฒนา “บ้าน ย่าน และเมือง

มื้ออาหารเพื่อชีวิตที่ยืนยาว

POHSOP: Designing for Longevity & Regeneration

ร้านอาหารโฮมเมดที่ใช้ “อาหาร” เป็นภาษาสื่อสารกับโลก ถ่ายทอดแนวคิด ตั้งคำถาม และชวนให้คิด ผ่าน “ข้าว” สายพันธุ์ต่างๆ ที่กลั่นมาจากภูมิปัญญาการคัดเลือกของบรรพชนชาติพันธุ์ไท(ย) ข้าวจึงไม่ใช่แค่วัตถุดิบหลัก แต่คือหัวใจของเรื่องราวในทุกจานที่เสิร์ฟ

ทุกเมนูถูกออกแบบด้วยความพิถีพิถัน โดยคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลและอาหารท้องถิ่นมาจับคู่กับสายพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมในช่วงเวลานั้นๆ ไม่เพียงเพื่อรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว แต่ยังสะท้อนแนวคิดเรื่องการกินอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ สมดุลของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผสมผสานแนวคิดการออกแบบเมนูอาหาร (Culinary Design) และประสบการณ์การ “เข้าสำรับ (Eatery Design)” ตามปรัชญาวิถีชีวิตแห่งการกินอยู่อย่างยั่งยืนของผู้คนในพื้นที่ Blue Zones พื้นที่ที่ประชากรมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

จุดเด่นของ “โพสพ” คือการเคารพวัฒนธรรมอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติร่วมปะทะสังสรรค์เข้าด้วยกันอย่างไร้พรมแดน ไม่ยึดติดกับสูตรตำรับหรือกรอบของสัญชาติ แต่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความพอดี และจินตนาการที่อิสระ รังสรรค์ออกมาเป็นมื้ออาหารที่ทั้งอร่อย อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความหมาย

นอกจากการถ่ายทอดภูมิปัญญาอาหารผ่านจานข้าวแล้ว “โพสพ” ยังได้ก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะพื้นที่ทดลองออกแบบ “ตำรับ” และ “สำรับ” ตามวิถีการกินอยู่ของผู้คนในพื้นที่ Blue Zones ยึดโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพในเขตภูมิภาคภาคเหนือของประเทศไทยและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

พร้อมกันนั้น โพสพยังเป็นเวทีของบทสนทนาเชิงลึก ที่ร่วมกันถอดรหัสการบริหารจัดการร้านอาหารให้เป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาโลกอย่างน่าทึ่ง (Regenerative Food Business) ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และแสดงออกซึ่งจิตวิญญาณของการกินอย่างมีเป้าหมาย ที่ไม่เพียงเติมเต็มผู้คน หากแต่ยังฟื้นคืนความหวังให้กับโลกใบนี้

คิดอย่าง “จริงใจ” ทำด้วยความจริงจัง

Jing Jai Market: Nurturing Community Supported Business 

โครงการ Jing Jai Market & CENTRAL Creative District คือต้นแบบของการพัฒนา “ย่านแห่งความจริงใจและใส่ใจ” ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของกลุ่มเซ็นทรัลในการสร้างระบบนิเวศแห่งความร่วมมือ โดยรวบรวมเกษตรกรท้องถิ่น เชฟ ช่างฝีมือ นักออกแบบ และศิลปินหลากหลายแขนงให้มาเติบโตไปด้วยกัน

พื้นที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงตลาดหรือศูนย์กลางการค้า แต่เป็น Creative Ecosystem ที่ขับเคลื่อนความยั่งยืน การแบ่งปันองค์ความรู้ และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว

อย่างไรก็ดี การพัฒนาย่านสร้างสรรค์เช่นนี้ก็เผชิญกับความท้าทายไม่น้อย ทั้งในด้านการรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายเชิงพาณิชย์กับการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่อย่างแท้จริง — เข้าถึงโอกาส เข้าใจความท้าทาย ในการพัฒนาย่านสร้างสรรค์ “จริงใจเซ็นทรัล”

เราเชื่อในการออกแบบประสบการณ์การเดินทางอย่างมีความหมาย เริ่มจากแนวคิดที่จริงใจ ทำงานด้วยความตั้งใจ เชื่อมโยงทุกจุดสัมผัสบริการอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่ผู้คนได้มาเยือน

ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อม “คน” กับ “สถานที่” หรือ “เรื่องราว” กับ “ความทรงจำ” ทุกองค์ประกอบล้วนถูกออกแบบอย่างใส่ใจ เพื่อให้ประสบการณ์นั้นลึกซึ้งและยั่งยืน

และที่นี่เอง คือ ศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ ได้กลายเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญของย่าน เป็นพลังที่หล่อเลี้ยงทั้งผู้สร้างสรรค์ ชุมชน และผู้มาเยือน ให้เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน

บทส่งท้าย — Growing Roots in New Soil

สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดการดำเนินกิจกรรมไม่ใช่แค่ความประทับใจ แต่คือ “ต้นแบบที่มีชีวิต” ของแนวคิดเมืองเทศกาลสุโขทัย ที่ร้อยเรียงด้วยอาหาร วัฒนธรรม และการมีส่วนร่วม — เราบันทึกสิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้สึก และสิ่งที่อยากนำกลับไปต่อยอดในบริบทของสุโขทัย

เทศกาลในสุโขทัยจะเป็นอย่างไร หาก…มีอาหารเพื่อสุขภาวะ? มีศูนย์หัตถกรรมร่วมสมัย? มีระบบเล่าเรื่องที่ลื่นไหลระหว่างโบราณสถาน ร้านอาหาร และถนนสายวัฒนธรรม? — ความทรงจำจะถูกสื่อสารผ่านแสง เสียง กลิ่น และการลงมือทำ ไม่ใช่แค่ผ่านเวทีการแสดง

การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่คือจุดเริ่มต้นของการออกแบบ ร่วมคิด และลงมือสร้างเมืองเทศกาลในแบบที่ “มนุษย์” เป็นศูนย์กลาง เพราะเทศกาลที่แท้จริง ไม่ได้มีไว้แค่เฉลิมฉลอง แต่มีไว้เพื่อฟื้นความทรงจำของเมือง — และจินตนาการอนาคตร่วมกัน

สุโขทัยไม่เพียงแค่มองกลับไปยังอดีต แต่กำลังปลูกฝังอนาคตที่มีรากลึก และ เบ่งบานอย่างมีชีวิต

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • [ บทความ ] Ekachan: The Wisdom of Ethnic Thai Cuisine ภูมิปัญญาปากะศิลป์ มรดกอาหารพื้นถิ่น และวัฒนธรรมการกินอยู่ของผู้คนทุกภูมิภาคบนผืนแผ่นดินไทย อ่านต่อ คลิก
  • [ บทความ ] Kalm Village: Keep Kalm, Keeping Craft Alive หมู่บ้านที่เล่าเรื่องวัฒนธรรมและภูมิปัญญาผ่าน สล่า ผ้า อาหาร ศิลปะ หัตหกรรม และประสบการณ์ อ่านต่อ คลิก
  • [ บทความ ] PHOSOP: A New Way of Food Movement โพสพ ร้านอาหารที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อแสดงความหลากหลายของสายพันธุ์ วัฒธรรม และชาติพันธุ์ในเชียงใหม่ คลิก
  • [ บทความ ] Jing Jai Market & CENTRAL Creative District ตลาดที่ตั้งใจเป็นพื้นที่ให้คนมาใช้ชีวิต และเกิดปฏิสัมพันธ์ เป็นชุมชนจริงใจสำหรับทุกคน คลิก

————

สนับสนุนโดย โครงการพัฒนาและขับเคลื่อนเทศกาลลอยกระทงไทยไปสู่เทศกาลระดับโลกเพื่อส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ของไทย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

เข้าถึง Website เผยแพร่ข่าวสารโครงการ เกี่ยวกับ “Gastro City” ฉบับสรุปสาระพอสังเขป [ Read More ]


Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.