Health Tourism Network

TURN ON” หลักสูตรฝึกปฏิบัติการเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การออกแบบนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Design) สำหรับธุรกิจสุขภาพและการท่องเที่ยว หัวข้อ “Revive & Resilience for Health Tourism Network” ภายใต้โครงการเร่งนวัตกรรมการตลาดและเครือข่ายเพื่อพัฒนา MVP ของสินค้าและบริการธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจเพื่อสุขภาพ ร่วมสร้างสรรค์ โดย CoLAB ศูนย์การศึกษาด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารนานาชาติ (International Gastronomy Tourism Centre: iGTC) สถาบันนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Academy: SIA) คณะพัฒนาการท่องเที่ยว สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านการจัดการท่องเที่ยว (CoETR) มหาวิทยาลัยนเรศวร และ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) 

ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์บริบทแวดล้อม (Contextual Analysis)

แก่นเนื้อหา: ศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อมของธุรกิจสุขภาพและการท่องเที่ยว เน้นการพิจารณาแผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence) และพิสูจน์ทราบแบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem) ซึ่งคณะผู้วิจัยมุ่งทำการจัดหมวดหมู่ของข้อมูล การเปลี่ยนแปลง แบบแผน ความหมาย และความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ภายใต้บริบททางสังคม และวัฒนธรรมที่ศึกษา ตลอดจนทำความเข้าใจกับความหลากหลายและความแตกต่างของข้อมูลขั้นปฐมภูมิ (primary data) ที่เก็บรวบรวมมาทั้งข้อมูลดิบ (raw data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (interpreted data)

1.1) แผนผังขอบข่ายความรู้ (Circle of Competence)

ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบระดมความเห็นเพียงลำพัง (Silence Workshop) โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเขียนข้อความระบุถึง ขีดความสามารถของตนที่จะช่วยส่งเสริม / สนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem) ผลลัพธ์สุดท้ายที่คาดหวัง (Expected Outcome) ตั้งเป้าให้ผู้บริหารโครงการและภาคีร่วมขับเคลื่อน มองภาพใหญ่ เห็นภาพเดียวกัน ผ่านสถานการณ์ปัจจุบัน และการคาดการณ์ “อนาคต” โดยเฉพาะการพัฒนาในมิติทุนทางปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ที่สัมพันธ์สอดคล้องกับทุนทางกายภาพ ทุนทางการเงิน และศักยภาพของคณะทำงานขับเคลื่อนที่มีอยู่ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) [1] ตลอดจนเน้นนำแนวทางการสร้างสรรค์ด้วยแก่นแท้ของภูมิปัญญาไทย (Creativity with Authentic Thai Wisdom) ไปปรับประยุกต์ใช้ในกระบวนการพัฒนานวัตกรรมเชิงพลวัตสู่ความยั่งยืน (Dynamic Innovation) และการออกแบบกลยุทธ์นวัตกรรมการบริการ (Strategic Service Innovation)

เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 1

  • เทคนิคการประชุมระดมความคิดเห็นด้วยแผนภูมิการจัดกลุ่มความคิด (Affinity Diagraming Method) เพื่อรวบรวมชุดข้อมูลขีดความสามารถของบุคคลในการพัฒนาธุรกิจบริการบนฐานนวัตกรรมด้วยวิธีการประเมินตนเอง (Self Assessment) ผ่านกระบวนการกระตุ้นให้ผู้กลุ่มผู้นำได้ร่วม “ขบคิด เข้าคู่ แบ่งปัน (Think-Pair-Share)” เน้นวิธีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Cooperative Learning: CL) ช่วยสร้างกลไกลการเคลื่อนไหลของข้อมูล (Knowledge Flow) ทั้งระหว่างเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม (Active Learners) และจากทีมกระบวนกร (Learning Facilitators)
  • การวัดผลการปฏิบัติงาน (Importance Performance Analysis: IPA) เพื่อประเมินช่องว่าง (Gap Analysis) ด้วยวิธีการจัดลำดับความสำคัญ 2 ตัวแปร ได้แก่ ความสำคัญ (Importance) และ ความสามารถ (Performance) บนฐานทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรในระบบนิเวศทางธุรกิจปัจจุบัน, อ่านต่อ คลิก “การวิเคราะห์ความสำคัญและผลการดำเนินงาน (Importance Performance Analysis: IPA)”

[1] …// โดยคณะผู้วิจัยจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือ “แผนที่จุดบรรจบ (Convergence Map)” ซึ่งจะนำไปจัดจำแนกข้อมูลแยกเป็นชุดเนื้อหา ตลอดจนการสังเคราะห์ เพื่อหาข้อสรุปในลำดับต่อไป

1.2 แบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) 

การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มผู้นำเพื่อพัฒนาแบบจำลองความตระหนักรู้ (Mental Model) ที่มีต่อการพัฒนาธุรกิจจากสินทรัพย์สร้างสรรค์ (Creative Asset) ดำเนินการสำรวจแบบจำลองการรับรู้ (Cognitive Model) และศึกษาแนวคิดที่มีต่อการพัฒนาต้นแบบบริการในอนาคต (Conceptual Model) อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการออกแบบภาพร่างสมมุติฐาน หรือวิถีทางใหม่ (New Mental Model) คำนึงถึงผลกระทบต่อ อารมณ์ (Mood) ทัศนคติ (Attitude) และ พฤติกรรม (Behaviour) ของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความรู้สึกของผู้ใช้งานที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมหรือโครงการ ร่วมกันในอนาคต

เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 2

  • ตารางวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Matrix) วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม และกวาดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการในอนาคต (Horizontal Scanning)
  • กระแสการบริโภค (Consumer Trends) “First Draft” แสวงหาโอกาสที่ลูกค้า “ที่มองหา” ผ่านปรากฎการณ์ทางสังคม โดยสรุปวิเคราะห์ข้อมูลจาก Trends Matrix ร่วมกับ Cart Sorting Techniques: “The Top 8 Value Creation by CoETR NU”
  • กำหนดภาพร่าง Mental Model A “Current State” เพื่อกำหนดแบบร่างแผนภาพแทนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเบื้องต้น (Proto-Personas)
  • เล่าเรื่องผ่านภาพอนาคต โดยใช้เครื่องมือ “Crazy’s 8s” เพื่อกำหนดแบบร่างแนวคิด (Idea Sketch) การออกแบบบริการ (Mental Model B “Future State”)

คำสำคัญ: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Contextual Research), การวิจัยผู้ใช้งาน (User Research), การศึกษาบริบท (Contextual Inquiry), นิรมิตนิยม (Constructivism), ระบบนิเวศการบริการ (Service Ecosystem)

ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์ฉากทัศน์อนาคต (Scenario Analysis) 

แก่นเนื้อหา: มุ่งศึกษาอนาคต (Future Studies) มองภาพอนาคตของธุรกิจบริการ (Service Scenario) โดยสังเคราะห์ข้อมูลจากการประเมินสถานการณ์ในมิติต่างๆ (Contextual Inquiry) ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมภายนอก (PESTEL Analysis) ที่มีผลกระทบต่อองค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ประมวลเป็นชุดภาพอนาคต อาทิ ภาพอนาคตที่ดีที่สุด (Best Case Scenario) ภาพอนาคตที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario) และภาพที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด (Possibility Case Scenario) เป็นต้น

เครื่องมือ: การออกแบบภาพอนาคตการบริการ (Service Scenario Design)

  • สร้างกรอบการมองอนาคต (Futures Framing), ประมวลข้อมูลจาก ตารางวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Matrix) วิเคราะห์สภาวะแวดล้อม และ กวาดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะส่งกระทบต่อการพัฒนาขับเคลื่อนโครงการในอนาคต (Horizontal Scanning), ศึกษาส่วนที่ 1 “เครื่องมือ: การศึกษาสำรวจบริบทแวดล้อม ชุดที่ 2”
  • ศึกษาสภาพแวดล้อม (Environmental Scanning), ตารางตรวจสอบสภาพแวดล้อม (Confirming-Disconfirming-Alternative Tabular: CDA)
  • ระบุปัจจัยขับเคลื่อนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Driving Forces), อ่านต่อ คลิก “การวิเคราะห์ผลกระทบภาพตัดขวาง (Cross Impact Analysis: CIA)”
  • สำรวจเหตุการณ์และความไม่นอน (Critical Uncertainties), การวิเคราะห์ชั้นสาเหตุ (Casual Layered Analysis: CLA)
  • ประมวลภาพทัศน์ในอนาคต (Scenario Stories)
  • ประเมินฉากทัศน์อนาคต (Scenario Matrix)
  • ประกอบสร้างฉากทัศน์อนาคต (Scenario Construction)

คำสำคัญ: การศึกษาอนาคต (Future Studies), การออกแบบภาพอนาคตการบริการ (Service Scenario Design)

ส่วนที่ 3: การวิเคราะห์ผู้ใช้งาน (User Analysis) 

แก่นเนื้อหา: สำรวจข้อมูลการวิจัยผู้ใช้งาน (User Research) โดยจัดเก็บข้อมูลดิบ (Raw Data) รวมถึงข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และตีความหมายข้อมูล (Interpreted Data) ด้วยเครื่องมือการวิจัยบริบท (Contextual Research) ในมิติของห่วงโซ่การบริโภค (Consumption Chain) ด้วยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์สายโซ่วิธีการ-เป้าหมายการบริโภค (Mean-End Chain Method) การศึกษาในขั้นตอนนี้มุ่งเน้นให้ผู้ช่วยนักวิจัย และทีมงานจัดเก็บข้อมูลภาคสนาม รู้จักเครื่องมือการศึกษาผู้ใช้งานผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน (User Analysis) เข้าใจกระบวนการ (Design Process) และเครื่องมือการออกแบบประสบการณ์ (Experience Design) อาทิ การศึกษาสังเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งานด้วยการวิเคราะห์ภาพแทนความหมาย (The Zaltman Metaphor Elicitation Technique – ZMET) การประมวลเรื่องเล่า (Narrative Inquiry) และการเข้าใจเส้นทางผู้ใช้งาน (User Journey Map) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การกำหนดรูปแบบการเล่าเรื่องทรัพยากรที่มีคุณค่าอันโดดเด่น (Outstanding Value) ของบริการต้นแบบ (Minimum Viable Service: MVS) โดยใช้เทคนิคคล้ายการเล่านิทานหรือนิยาย ผูกโยงเรียงร้อยต่อกัน สร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้รับสารสนใจ นำไปสู่การสร้างจุดจดจำเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา (Memorable Experience) ครอบคลุมทั้งเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิต (Life Narrative) และเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์​ (Experience Narrative) เพื่อทำความเข้าใจชีวิตของบุคคลภายใต้บริบทของสังคมเสมือนเปลือกห่อหุ้มแก่นแกนความรู้สึกที่ถูกกดทับหรือปิดบังความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน (User Insight)

เครื่องมือ: การรวบรวมข้อมูลการศึกษาวิจัยผู้ใช้งาน (User Research Tools)

  • แบบบันทึกความต้องการของลูกค้า (User Story)
  • แบบบันทึกความต้องการลูกค้าเชิงลึก (Key Insights)
  • แบบบันทึกผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าคาดหวัง (Job Story) “ผลลัพธ์สุดท้ายที่ลูกค้าคาดหวัง / เป้าหมายการบริโภค / ความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน”
  • แผนที่เส้นทางผู้บริโภค (Customer Journey Map)
  • ตารางประเมินโอกาสในการสร้างสรรค์คุณค่า (Opportunity Scoring Matrix: OSM) —> จัดกลุ่ม / แบ่งส่วนผู้ใช้งาน (User Segmentation)
  • แผนภาพแทนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายฉบับปรับปรุง (Revised Personas Grid)
  • แผนภาพแสดงปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าที่มีต่อสินค้า / บริการ (MOT Mapping Technique) จำแนกออกเป็น จุดสัมผัส Touch Point (+) จุดประทุ Torch Point (-) และจุดปะทะ Contact Point (+/-)

คำสำคัญ: การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research), การวิจัยผู้ใช้งาน (User Research), การศึกษาเรื่องเล่า (Narrative Inquiry), นิรมิตนิยม (Constructivism)

ส่วนที่ 4: การวิเคราะห์ธุรกิจ (Business Analysis) 

4.1 การสร้างสรรค์คุณค่า (Ideas Design) ค้นหาคุณค่าที่ลูกค้ามองหา: ความหมาย ความสำคัญ และความจำเป็น ของการรังสรรค์ “คุณค่า” เพื่อสร้าง “มูลค่า”

แก่นเนื้อหา: สังเคราะห์คุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile) มองหาโอกาสใหม่ในการนำเสนอวิธีการ หรือ กระบวนการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างสร้างสรรค์บนฐานของระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ที่ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ (Minimum Viable Ecosystem: MVE) ดำเนินการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งกำหนดเป็นร่างกรอบข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition) และนำไปพัฒนาข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief) เพื่อผลิตเป็นต้นแบบสินค้าหรือบริการในอนาคต (Minimum Viable Product/Service: MVP/MVS)

เครื่องมือ: การออกแบบข้อเสนอแห่งคุณค่า (Value Proposition Design)

  • แผนภาพคุณลักษณะของลูกค้า (Customer Profile)
  • แผนภาพคุณค่า (Value Map)
  • แบบร่างแนวคิดข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition Canvas: VPC)

คำสำคัญ: ข้อเสนอเชิงคุณค่า (Value Proposition), ข้อกำหนดสำหรับการออกแบบ (Design Brief), ระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเกื้อกูลสินค้าหรือบริการใหม่ (Minimum Viable Ecosystem: MVE)

เนื้อหาเสริม (Supplementary Course) หลักสูตรฝึกปฏิบัติการเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การคิดเชิงออกแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่* (Design Thinking for Agripreneurs) ภายใต้โครงการพัฒนาและผลิตกำลังคนของประเทศเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 …// อ่านต่อ คลิก “Design Thinking for Agripreneurs”

4.2 การนำส่งคุณค่า (Ideas Testing) นำเสนอคุณค่าที่ลูกค้ามองเห็น: ทดสอบแนวคิดเพื่อผลิตนวัตกรรม: คิด ผลิต พัฒนา จนกว่า จะ “ใหม่ ใช่ โดน”

แก่นเนื้อหา: เข้าใจกระบวนการทำสอบแนวคิด (Ideas Testing Process) โดยสามารถแยกแยกข้อมูล จัดลำดับความสำคัญ บนสมมติฐานที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรก และทดลองใช้เทคนิคการประเมินต้นแบบสินค้าหรือบริการในภูมิทัศน์การแข่งขันใหม่ “Redefined Measurable Metrics by CoETR NU” เพื่อพิสูจน์วิธีการแก้ไขปัญหา ควบคู่กับการพิจารณาภาวะการสร้างจุดสมดุลระหว่างผลิตภัณฑ์-ตลาด (Product Market Fit: PMF) บนแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model) ให้มีความยืดหยุ่นสูง ต้านทานความเสี่ยงได้ (Risk Resistance) สามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วย “Revive & Resilience Model by CoETR NU”

เครื่องมือ: การพัฒนาแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model Design)

  • ผืนผ้าใบแบบจำลองทางธุรกิจ (Business Model Canvas: BMC)
  • แบบร่างพิมพ์เขียวการบริการ (Service Blueprinting Method: SBM)
  • การทดสอบความสนใจที่มีต่อข้อเสนอ (Call-To-Action: CTA)
  • กระดานความก้าวหน้า (Progress Board)

คำสำคัญ: กระบวนการทำสอบแนวคิด (Ideas Testing Process), การประเมินต้นแบบสินค้าหรือบริการอย่างง่าย (Rapid Testing Techniques), จุดสมดุลระหว่างผลิตภัณฑ์-ตลาด (Product Market Fit: PMF)

DOWNLOADS

  • บัตรนำกระบวนการ (Method Cards) ชุดที่ 1 “iGTC Contextual Research Tools” คลิก
  • บัตรนำกระบวนการ (Method Cards) ชุดที่ 2 “iGTC User Research Tools” คลิก

REFERENCES

  • การคิดเชิงออกแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ (Design Thinking for Agripreneurs) คลิก
  • การวิเคราะห์เครือข่ายคุณค่า (Value Network Analysis) คลิก
  • การตั้งเป้าหมายสู่อนาคต (Moonshot Thinking) คลิก
  • ประมวลมุมมองฉากทัศน์การบริการ (Service Scenarios) คลิก

PROGRAMME HIGHLIGHTS คำสำคัญเกี่ยวข้องกับเนื้อหาการฝึกอบรมเชิงปฏิสัมพันธ์โต้ตอบแบบเข้มข้น (Interactive Workshop) การออกแบบนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation Design) สำหรับธุรกิจสุขภาพและการท่องเที่ยว หัวข้อ “Revive & Resilience for Health Tourism Network”