Ideas Pitching Tips

Ideas Pitching Tips: Unveiling Value to Compelling Presentation

เสนอแนวคิดการพัฒนาธุรกิจอย่างไรดี ถึงจะมีคนอยากฟัง จนต้องควักตังค์จ่าย เสนอจุดต่าง สร้างจุดโต เพราะ คุณค่า (Value Creation) อยู่ที่คนมองหา ถึงจะมองเห็น (Value Perception) ปรับปรุงจาก Perfect Pitch Philosophy: How to Use the 10 Questions (Linda Plano, 2020) [1]

Q-00: Who is your audience? | Know your audience to pitch effectively

วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (audience) เขา คือ ใคร? “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ::: Value for Whom… “KNOW HOW” หรือจะสู้ “KNOW WHO” ::: คู่ค้า (partner) คู่แข่ง (competitor) คู่ใจ (promoter) ++ เข้าใจรูปแบบความสัมพันธ์ และเข้าถึงโครงข่ายความสัมพันธ์ของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ให้ได้ “ทำความรู้จัก เพื่อจะได้รู้ใจ” :::

Q-01: Why should I, the audience, care? | Market Size and Market Pain

ประมาณการขนาดตลาด (market size) ประเมินโอกาสความเป็นไปได้ (market opportunity) กระแส (trend) แนวโน้ม (transition) หรือ ความต้องการซื้อ สินค้าและบริการของเราช่วยกำจัด pains ปิด Jobs(-to-be-done) ได้อย่างไร (how) ทำไมถึงต้องแก้ไขปัญหานี้ (why) สำคัญ จำเป็น มีคุณค่า และ มูลค่าสูง หรือไม่ อย่างไร?  ::: ระบุ Market Size ด้วยกรอบคิด “TAM SAM SOM” นำเสนอ Market Pain ด้วย “Opportunity Gap” วิเคราะห์จาก Opportunity Scoring Matrix อ่านต่อ [ OSM ] :::

Q-02: What do you do? | Secret Sauce

สื่อสาร “สูตรเด็ด เคล็ดลับ (Secret Sauce)” ของธุรกิจนี้คืออะไร ทำได้ดีกว่า ลอกเลียนแบบได้ยาก ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ จดจำได้ตั้งแต่เริ่มต้น อาทิ “เร็วทันใจ หรือ ล้ำนำสมัย” ใช้งานง่าย ไม่ต้องคิดมาก ควรเลือก “จุดแข็ง จุดขาย” สร้างความเป็นหนึ่งในธุรกิจนั้นๆ คุณสมบัติที่ “ดี เด่น ดัง” ที่ โดนใจลูกค้าที่สุด (audience) ที่เข้าฟังการ pitching ของเราในแต่ละครั้ง ไม่เพียงแค่เสนอจุดขาย (Unique Selling Point: USPs) แต่ต้องสร้างจุดจดจำถึงสิ่งที่ต้องการให้คนฟังพูดถึงไม่มีวันลืม (Unique Talking Points: UTPs) และ จุดเปลี่ยนแปลง (Unique Inflection Points: UIPs) กระตุ้นให้ผู้ฟังเปิดใจรับสินค้าหรือบริการของเรา

Q-03: Why will you win? | Competitive Advantage 

เตรียมหลักฐานเชิงประจักษ์ หรือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้เราอยู่ “เหนือคู่แข่ง (Competitive Advantage: CA) หรือเป็นผู้นำในตลาดของสินค้า / บริการนั้นๆ ควรบ่งชี้ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ตอบโจทย์การใช้งาน แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จากคุณลักษณะอันโดดเด่น หรือ ระบุกรณีการใช้งาน (Use Cases) พร้อมยกตัวอย่างวิธีการใช้ประโยชน์ให้เห็นเป็นรูปประธรรมที่ชัดเจน (Showcases)

Q-04: How will you stay better? | IP Status and Strategy

ระบุปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปอย่างมีกำไร หรือเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทิ้งห่างคู่แข่ง “ชนิดขาดลอย” หรือสิ่งที่คู่แข่ง “ไม่สามารถเอาชนะได้เลย (Unfair Advantage: UA) อาทิ กลยุทธ์ล้มยักษ์ (Winning Strategy), นวัตกรรมพลิกโลก (Disruptive Innovation), ทรัพย์สินทางปัญญา (สิทธิบัตร, อนุสิทธิบัตร), เครือข่ายความร่วมมือ (Exclusive Network / Expert Community) ที่สามารถสร้าง “Nfx Power” ได้ เป็นต้น

Q-05: How does it work? | Tech Status and Strategy

นำเสนอคุณสมบัติพิเศษอันโดดเด่นของนวัตกรรมหลัก (Breakthrough Innovation) หรือ เทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยสร้างคุณค่าใหม่ (Disruptive Technology) สอดคล้อง และ หนุนเสริมแนวทางกลยุทธ์ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตั้งแต่ก้าวแรก (Growth Driver) หรือ สามารถสร้างผลกำไรอย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth) ฉะนั้นควรระบุ จุดต่าง สร้างจุดโต “ให้ชัด” จะทำให้ “รวยตั้งแต่วันแรก (Revenue Model)” และ “ร่ำรวยอย่างต่อเนื่อง (Recurring Revenue) ต้องทำอย่างไร

Q-06: How will you make money? | Business Model

อธิบายกลไกการทำงานของแบบจำลองการสร้างรายได้ของธุรกิจ “Revenue Model​ Mechanism” โดยเฉพาะการกำหนดรูปแบบการสร้างรายได้ (Revenue Pattern) ทำไมเลือกวิธีการนี้ หรือ วิธีการเติบโตแบบนี้ จะช่วยสร้าง R.F.M. Metrics —> Recency (R) ซื้อสั้น : Frequency (ซื้อซ้ำ) : Monetary (ซื้อมาก) ได้อย่างไรในอนาคต อ่านต่อ [ RFM ]

Q-07: How much will you make? | Financial Projection

อภิปรายตัวบ่งชี้ขีดความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ บทวิเคราะห์ทางการเงิน หรือ ประเด็นการวิเคราะห์อื่นๆ (ถ้ามี) อาทิ Break Even Point (BEP), Cost Benefit Analysis (CBA), (Fast) Facts & Figures ฉายภาพความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจ หรือการคาดการณ์ / พยากรณ์รายได้ในอนาคต นอกจากนั้นยังสามารถแสดงอัตราการตอบสนองต่อโฆษณา หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุนด้านการตลาด (Return on Marketing: ROM) ยอดผู้ใช้งานจริง (Conversion Rate: CVR) / อัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retentio Rate: CRR) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน / คู่ค้า / พันธมิตรทางธุรกิจ หรือ มูลค่าลูกค้า (Customer Lifetime Value: CLV) เป็นต้น อ่านต่อ [ CLV ]

Q-08: Why you? | Team

จัดทำเนียบคณะทำงาน / ผู้เชี่ยวชาญ หรือ โครงข่ายความร่วมมือ สะท้อนภาพความเข้มแข็งของทีม นำเสนอความเชี่ยวชาญให้สอดคล้องกับ “จุดยืน จุดแข็ง จุดขาย” ของธุรกิจ ควรสังเคราะห์ข้อมูลจาก Stakeholder Mapping และ/หรือ Value Network Analysis (VNA) โดยมุ่งเน้นมิติความสัมพันธ์เกี่ยวกับ “ผู้ฟัง (audience)” ใน Q-00 เป็นต้น อ่านต่อ [ VNA ]

Q-09: What will you do? | Development Plan

วางแผนการพัฒนาสินค้าและบริการในอนาคต มองการณ์ไกล (foresee) มองอนาคต (foresight) มอง(เห็น)ก่อนใคร (forefront) = จะเป็นที่หนึ่งได้ก็จะต้องเปิด “พรมแดนแห่งความรู้ใหม่ (New Knowledge & New Boundaries)” ทำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงเจตจำนง หรือปณิธานอันแน่วแน่ในการพัฒนาธุรกิจสู่ “อนาคต (มีอนาคต)”

Q-10: How much will it cost? | The Ask

ประมวลเนื้อหาเกี่ยวกับมูลค่าการลงทุน-โครงการ / หน่วย ผลตอบแทน ระยะเวลาการคืนทุน สิทธิพิเศษ สิทธิประโยชน์ หรือมาตรวัดผลสำเร็จ (innovation metrics) อื่นๆ (ถ้ามี) อาทิ Return On Investment (ROI), Return On Asset (ROA), Return On Health (ROH), Return On Equity (ROE), Customer Lifetime Value (CLV), Social Return On Investment (SROI) เป็นต้น ปิดท้ายด้วย “วรรคทอง (selling messages)” เร่งเร้าให้ผู้ฟังเกิดความ “สนใจ ซื้อใช้ บอกต่อ” หรือ “เราต้องการให้ผู้ฟัง (VC, CVC, Impact VC. Angel Fund) ร่วมงานกับเราได้อย่างไร”

เข้าถึงเอกสารประกอบการบรรยาย หัวข้อ “นำเสนอจุดต่าง สร้างจุดโต”

คำถามที่มักจะถามบ่อย (Frequently Asked Questions: FAQs)

  • Q1 คุณลักษณะเฉพาะ / ประโยชน์อย่างยิ่งยวด 3 อันดับแรก เพื่อสื่อสาร / อธิบายคุณค่าอันโดดเด่นที่สุดของนวัตกรรม คือ อะไร
  • Q2 วิธีการใด 3 ประการ ที่จะทำให้ Business Model นี้เกิดรายได้ คือ อะไรบ้าง อย่างไร 
  • Q3 การคาดการรายได้ “ทำธุรกิจกับเราแล้ว คุ้มค่า คุ้มทุน”
  • Q4 จะทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้า / บริการ “ซื้อซ้ำ (ระยะเวลาการซื้อแต่ละครั้งสั้นที่สุด) Recency ซื้อบ่อย Frequency (จำนวนครั้ง หรือ transaction traffic) ​ซื้อเยอะ Monetary แล้วที่สำคัญ (ยอดซื้อ หรือ มูลค่า / transaction) คือ บอกต่อ” ::: RFM สะท้อนภาพจริงจากฐานข้อมูลลูกค้าโดยประยุกต์ใช้การทำเหมืองข้อมูลจำลองเพื่อทำการการจัดแบ่งส่วนตลาดของลูกค้าตามแนวทาง Customer Value Segmentation มุ่งแสวงหากฎความสัมพันธ์ใหม่ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เปรียบเทียบกับกฎความสัมพันธ์เดิม ทำการมาตรวัด 3 มิติ ได้แก่
    • R – Recency “ลูกค้าซื้อล่าสุดเมื่อไหร่” (จำนวนวันตั้งแต่วันที่ใช้บริการล่าสุด)
    • F – Frequency “ลูกค้าซื้อบ่อยขนาดไหน” (จำนวนครั้งในการใช้บริการ) และ 
    • M – Monetary “ลูกค้ามียอดใช้จ่ายมากขนาดไหน” (จำนวนมูลค่าของทรัพยากรที่ลูกค้าใช้ไปกับการบริการแต่ละครั้ง เช่น ค่าบริการ, ปริมาณการใช้ เป็นต้น) 
  • Q5 แนวทางการพัฒนาสินค้า / บริการ ในอนาคต 

แนวทางการตั้งข้อคำถาม (Model Questions)

  • What…? ความเป็นไปได้ เช่น กลยุทธ์การตั้งราคา, กำลังการผลิต, การบริหารจัดการ Supply Chain เป็นต้น
  • Why…? ผู้ฟัง นักลงทุน / คู่ค้า / พันธมิตรทางธุรกิจ / กรรมการ จะ debrief หรือ “ซักไซร้ ไต่ถาม” เพื่อหา “เหตุผลอันควร” ค้นคำตอบจาก “คำถาม” เช่น ทำไม… “คู่แข่ง / คู่เทียบ” แข่งกับใคร / เทียบอย่างไร?, 
  • How…? ทำอย่างไร ตอบให้ไหลลื่นไปกับชุดคำตอบ จาก 2 กลุ่มคำถามแรก “What…? + Why…?” เช่น ดูปุ๊บ รู้ปั๊บ (หรือไม่?)